วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

What's Bitcoin : บิทคอยน์คืออะไร ดีอย่างไร




ฺBitcoin (ฺBTC) คือ สกุลเงินดิจิตอล ซึ่งเป็นอิสระจากระบบธนาคารและนโยบายการเงิน-การคลังจากรัฐบาลนาๆประเทศ


  • BTC เป็นสกุลเงินออน์ไลน์​ ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.2009 จาก นักพัฒนานิรนาม ชื่อว่า Satoshi Nakamoto ซึ่งอ้างว่าตนมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยตัวตนจริงๆของเค้าก็ยังเป็นความลับ และอาจจะเป็นกลุ่ม หรือเป็นบุคคลคนเดียวก็ได้ จุดเด่นของสกุลเงิน BTC ก็คือเป็นสกุลเงินที่ เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะว่า ไม่มีการควบคุมโดยธนาคารกลางหรือภาครัฐ (Decentralized) โปรแกรม และระบบควบคุมสกุลเงิน BTC เป็น แบบ Peer-to-Peer และเป็น Open-sourced platform ซึ่งกล่าวได้ว่ามีความปลอดภัยสูงมาก ซึ่งจำนวนเงินของ BTC ถูกตั้งค่าไว้ในจำนวนจำกัด และไม่มีใครสามารถพิมพ์เงินออกมาตามใจชอบได้ ทุกอย่างมีระบบควบคุมไว้หมดตามการออกแบบระบบของ Satoshi Nakamoto ซึ่งต่างจากสกุลเงินต่างในปัจจุบัน ที่ธนาคารกลางสามารถพิมพ์เพิ่มได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE) ในระยะยาว ซึ่งจำนวนเงินทั้งหมดของ BTC จะถูกจำกัดไว้ที่ 21 ล้านหน่วย BTC 
ถ้าจะกล่าวในอีกมุมหนึ่ง ควายหมายของ Bitcoin ก็คือ ข้อตกลงของคนที่จะใช้ ข้อมูลที่เข้ารหัสทางคณิตศาสตร์ 21 ล้านชุด ว่าจะเป็นสิ่งที่เราใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแทนเงินสกุลแบบดั้งเดิม โดยที่แต่ละ Bitcoin นี้ จะต้อง ไม่สามารถถูกปลอมแปลงได้, สามารถแบ่งเป็นหน่วยย่อยได้, และสามารถโอนข้ามทันทีผ่านทางอินเตอร์เน๊ต

  • โดยที่แต่ละ Bitcoin จะถูกสร้างเข้าสู่ระบบโดยซอฟท์แวร์ที่เรียกว่า Bitcoin Mining ที่ใช้คำนวนสูตรคณิตศาสตร์ขั้นซับซ้อน ทำให้ขณะนี้ มีการค้นพบ Bitcoin ใหม่ๆเข้าสู่ระบบจากทั่วโลก ในอัตรา 6 บล้อกต่อชั่วโมง เท่านั้น (โดยที่แต่ละบล้อก = 25 Bitcoins)
  • ในท้ายที่สุดแล้ว จำนวน Bitcoin ที่จะมีในระบบจะมีได้แค่ 21 ล้านชุดเท่านั้น โดยที่บล้อกแรกของ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นจาก บุคคลลึกลับที่ใช้ชื่อว่า Satoshi Nakamoto ในวันที่ 3 มกราคม 2009 จึงได้มีการตั้งชื่อหน่วยที่เล็กที่สุดของสกุลเงิน Bitcoin (1 ใน ร้อยล้าน) ว่า 1 ซาโตชิ

จุดเด่นของ Bitcoin
  • เป็นการทำธุรกรรมที่ เร็ว และ ถูก  เวลาที่คุณทำธุรกรรมโดยใช้ Bitcoin ค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นนั้นถูกมากๆ เมื่อเทียบกับวิธีการทำธุรกรรมอื่นๆ โดยปกติค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 0.0005 BTC ต่อ 1 รายการการทำธุรกรรม (หรือน้อยกว่า 25 สตางค์), ซึ่งหากเทียบกับการทำธุรกรรมทางไกลวิธีอื่น จะเสียประมาณ 700THB-1300THB ต่อ 1 รายการธุรกรรม ซึ่งหากใช้บัตรเครดิต ก็จะเสียประมาณ 3-5% ของจำนวนเงินในการทำธุรกรรมนั้นๆ, ซึ่งยิ่งแพงกว่าค่าธรรมเนียมของการธุรกรรมโดยใช้ Bitcoin. การทำธุรกรรมทางไกล จะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน หรือบางทีเป็นสัปดาห์ ซึ่งหากใช้ Bitcoin การทำธุรกรรมจะสำเร็จภายในประมาณหน่วยชั่วโมง.
  • ไม่สามารถเรียกคืนได้โดยปกติผู้ขายหรือเจ้าของร้านค้าออนไลน์ จะมีความกังวลว่าหากรับซื้อด้วยบัตรเครดิต ผู้ซื้อมีสิทธิ์แจ้งว่า เรียกเงินคืนได้ (Chargeback) ด้วยเหตุผลต่างๆนานา เช่น เค้าไม่ได้เป็นคนใช้บัตร บัตรโดนขโมยบ้าง ซึ่งมันทำให้เราผู้ซื่งเป็นผู้ขายของ ส่งของไปแล้ว และกลับได้รับข้อความจากทางธนาคาร โดนเรียกเงินคืนเพราะเหตุผลต่างๆ และคุณซึ่งเป็นผู้ขายก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากส่งเอกสารยืนยันว่าเราส่งของจริง แต่กระนั้นก็เกิดการเสียเวลา เสียอารมณ์ เสียความรู้สึก ว่าเราทำธุรกิจอย่างสุจริต แต่ผู้ซื้อบางรายกลับหัวหมอหรืออาจจะโดนขโมยบัตรจริงๆ และใช้เทคนิคตรงนี้ ทำให้เราผู้ซึ่งเป็นผู้ขายเสียโอกาสรายได้ส่วนนั้นไปซึ่ง Bitcoin เป็นช่องทางการชำระเงินที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ 100% ดังนั้น ด้วยเหตุผลนี้ การที่คุณจะส่งจะรับด้วย Bitcoin คุณต้องมั่นใจว่าคุณส่งให้กับผู้รับที่คุณไว้ใจได้ และ Bitcoin address ถูกต้อง
  • ไม่มีเอกสารให้ยุ่งยากใครก็ได้จากประเทศไหนก็ได้ ก็สามารถทำธุรกรรมด้วย Bitcoin ได้ โดยไม่ต้องทำเรื่องเอกสารให้ยุ่งยากใจ หรือเสียเวลาเป็นวันๆ ในการเปิดบัญชีสิ่งที่คุณต้องทำเพียงแค่ download Bitcoin Wallet ซึ่งมีหลายโปรแกรมให้เลือกใช้ โปรแกรมก็จสร้างบัญชีผู้ใช้ (Bitcoin Address) ขึ้นมาคุณสามารถมีบัญชีผู้ใช้ (Bitcoin Address) ได้มากเท่าที่คุณต้องการ


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น